นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 115,375 ล้านบาท จากกรอบวงเงินทั้งหมด 157,000 ล้านบาท ครอบคลุม 50 หน่วยงาน 481 โครงการ รวมกว่า 8,900 รายการ เพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ส่งผลระยะยาว ด้วยเป้าหมายชัดเจนคือ สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มขีดความสามารถประเทศ
รายละเอียดสาระสำคัญของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
1. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (วงเงินรวม 85,000 ล้านบาท)
- โครงการน้ำ: เพิ่มปริมาณน้ำ 192 ล้าน ลบ.ม. ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกว่า 4.7 ล้านไร่ สร้างประโยชน์ให้ประชาชนเกือบ 1 ล้านครัวเรือน และจ้างงาน 73,807 คน/เดือน
- โครงการคมนาคม: พัฒนาถนน 417 กม. ปรับปรุงทาง 1,689 แห่ง เพิ่มจุดความปลอดภัย 3,604 จุด สร้างการจ้างงานกว่า 285,000 คน
2. ด้านการท่องเที่ยว (วงเงิน 10,053 ล้านบาท)
- พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สนามกีฬา ห้องน้ำ ป้าย ฯลฯ
- ติดตั้ง CCTV เพิ่มความปลอดภัยในเมืองท่องเที่ยว
- คาดเพิ่มนักท่องเที่ยวกว่า 2.76 ล้านคน มูลค่าเศรษฐกิจกว่า 55,000 ล้านบาท
- คนไทยกว่า 7.6 ล้านคนได้รับประโยชน์
3. ลดผลกระทบภาคส่งออก / เพิ่มผลิตภาพ / ดิจิทัล (รวม 11,122 ล้านบาท)
- เกษตร: เพิ่มรายได้ 6,000 บาท/ไร่/ปี
- แรงงาน: อัดสินเชื่อช่วย SMEs 1,700 แห่ง คาดจ้างงาน 100,000 คน
- ดิจิทัล: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ–เกษตร–บริการ ปชช. กว่า 20,000 ราย
4. เศรษฐกิจชุมชนและทุนมนุษย์ (รวม 9,201 ล้านบาท)
- SML และกองทุนหมู่บ้าน: 4,000 ล้านบาท
- พัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษา: 3,641 ล้านบาท
- ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน: 1,560 ล้านบาท
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
- เพิ่ม GDP ราว 0.4%
- เร่งการใช้จ่ายลงสู่ระบบจริงทันที
- ขับเคลื่อนการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนในทุนมนุษย์และโครงสร้างพื้นฐาน
- สร้างความยืดหยุ่นรองรับเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน
แนวทางขับเคลื่อนระยะต่อไป
- ติดตามผลต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- พร้อมออกมาตรการใหม่เพิ่มเติม หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่
- ยึดหลัก “เร็ว–ถึง–ตรงจุด–กระจายทั่วถึง” เพื่อฟื้นเศรษฐกิจฐานรากและภาคผลิตอย่างแท้จริง