รัฐอัดงบ 5,300 ล้าน สนับสนุนชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด หวังลด PM 2.5 ประชาชนได้อะไร?

รัฐทุ่มงบ 5,300 ล้านบาท หนุนชาวไร่ตัดอ้อยสด ลดเผา ลด PM 2.5 ประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ ทั้งอากาศสะอาด สุขภาพดี และเศรษฐกิจชุมชนเดินหน้า

รัฐอัดงบ 5,300 ล้าน สนับสนุนชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด หวังลด PM 2.5 ประชาชนได้อะไร?

จากการที่ ครม.เคาะงบกว่า 5,300 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้ชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสด แทนการเผาอ้อยในฤดูผลิตปี 2567/2568 ถือเป็นนโยบายใหญ่ที่ “แม้จะดูไกลตัว” สำหรับคนในเมือง แต่จริง ๆ แล้ว ส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกคนโดยตรง โดยเฉพาะด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นวาระแห่งชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


เลิกเผาอ้อย = อากาศสะอาดขึ้น หายใจได้ง่ายขึ้น

หนึ่งในต้นตอของฝุ่นพิษ PM 2.5 คือการเผาอ้อยในที่โล่งซึ่งพบมากในภาคกลางและภาคอีสานช่วงฤดูเก็บเกี่ยวปลายปีถึงต้นปี การที่รัฐบาลสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาตัดอ้อยสด แทนการเผาแบบเดิม ด้วยเงินอุดหนุน 69 บาทต่อตันอ้อย จึงเป็นแรงจูงใจสำคัญที่จะช่วยลดการปล่อยควันดำและฝุ่นขนาดเล็กลงอย่างมีนัยสำคัญ

หากนโยบายนี้ทำได้ตามเป้า คือ มีอ้อยสดถึง 75 ล้านตัน จะเท่ากับว่ามีการเผาน้อยลงในพื้นที่กว้างใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณ PM 2.5 ในอากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวัน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างเด็ก ผู้สูงอายุ และคนมีโรคประจำตัว


ไม่ใช่แค่ลดฝุ่น แต่ยังกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน-อุตสาหกรรมสีเขียว

มาตรการนี้ยัง ยกระดับเกษตรไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว ตามแนวทาง WTO ที่เน้นการผลิตอย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้มั่นคงขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงค่าปรับจากการเผา และยังใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องจักรทุ่นแรงได้มากขึ้นในระยะยาว

ในแง่ของประชาชนทั่วไป การลดมลภาวะเท่ากับลดภาระค่ารักษาพยาบาล ลดการป่วยจากโรคทางเดินหายใจ และยังช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาต่างชาติในฐานะประเทศที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการส่งออกในระยะยาวด้วย