ค่าเงินบาทวันนี้ 16 ก.ค. 68
เงินบาทอ่อนค่าลงเร็ว เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40–32.65 บาท/ดอลลาร์ เหตุดอลลาร์แข็งจาก US yields พุ่ง แม้เงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด ขณะ GDP จีนดีเกินคาดแต่ยอดค้าปลีกชะลอ และ “ทรัมป์” สั่งเก็บภาษีอินโดนีเซีย 19% ด้านอินโดฯ เปิดตลาดให้สหรัฐฯ เพิ่ม
.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/webp&w=1024&resize=1024,0&ssl=1)
เงินบาทอ่อนค่าเร็ว เหตุดอลลาร์แข็ง-เงินเฟ้อสหรัฐกระตุ้นตลาดจับตา ทรัมป์ขึ้นภาษีอินโดนีเซีย 19%
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประเมินการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ (16 ก.ค. 2568) อยู่ในกรอบ 32.40–32.65 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วจากช่วงข้ามคืน แม้ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาด แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่กดดันตลาดเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด แต่ดอลลาร์ยังแข็ง
แม้ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือนล่าสุดจะออกมาที่ระดับ 2.0% เดือนต่อเดือน (MoM) ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่นักวิเคราะห์มองว่า ราคาสินค้าหลายหมวดยังสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเก็บภาษีนำเข้า (tariffs) ทำให้ตลาดประเมินว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะยาวยังไม่หมดไป ส่งผลให้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury yields) ปรับตัวขึ้น และทำให้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index) แข็งค่าขึ้นตามมา
แรงหนุนดอลลาร์ที่แข็งค่านี้กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงข้ามคืน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตาต่อเนื่องในตลาดโลก
GDP จีนดีกว่าคาด แต่ยอดค้าปลีกชะลอ – ราคาบ้านลดลง
ขณะเดียวกัน ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของจีน ออกมาที่ 2% QoQ หรือ 5.2% YoY ซึ่ง “ดีกว่าที่ตลาดคาด” แต่สัญญาณบางประการกลับชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจในบางภาคส่วน เช่น
- ยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้นเพียง 4.8% ซึ่งต่ำกว่าช่วงก่อนหน้า
- ราคาบ้านในจีน ยังอยู่ในแนวโน้มลดลง สะท้อนภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเปราะบาง
นักลงทุนจึงยังมีมุมมองผสมผสานต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงตลาดการเงินเกิดใหม่อย่างไทยด้วย
ทรัมป์เก็บภาษีอินโดนีเซีย 19% – อินโดฯ เปิดตลาดให้สหรัฐฯ
ด้านประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ กลายเป็นอีกหนึ่งแรงกระเพื่อมต่อตลาดเงิน เมื่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้น ภาษีนำเข้าสินค้าจากอินโดนีเซีย 19% โดยระบุเหตุผลเชิงการค้าที่ยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียกลับตอบรับด้วยการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ และจะเพิ่มปริมาณการนำเข้าในอนาคต ถือเป็นการเปลี่ยนจุดยืนที่น่าจับตาในสงครามการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กับสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวนี้อาจสร้างแรงกดดันใหม่ต่อประเทศที่มีโครงสร้างการค้าใกล้เคียงกับอินโดนีเซีย รวมถึงไทย ซึ่งยังต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลไทยต่อข้อเสนอด้านภาษีนำเข้าระหว่างสองประเทศในอนาคต