อันดับเสรีภาพสื่อ ไทยอยู่อันดับ 87 ส่วนกัมพูชาตกไปอันดับ 151
เปิดอันดับเสรีภาพสื่อทั่วโลก ปี 2024 โดย RSF เผยไทยอยู่อันดับ 87 ขณะที่กัมพูชารั้งท้ายในอาเซียน อันดับ 151 จาก 180 ประเทศ ท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาล

เสรีภาพสื่อโลก ไทยและกัมพูชาอยู่ตรงไหน?
จากรายงาน “ดัชนีเสรีภาพสื่อโลกประจำปี 2024” โดยองค์กร Reporters Without Borders (RSF) ได้เผยภาพรวมที่น่ากังวลว่า สถานการณ์เสรีภาพสื่อทั่วโลก “ถดถอยลง” อย่างต่อเนื่อง โดยมากกว่า 60% ของ 180 ประเทศทั่วโลกอยู่ในระดับ “ยากลำบาก” ทางเสรีภาพสื่อ สำหรับประเทศไทย ปีนี้อยู่ใน อันดับที่ 87 ขยับดีขึ้นเล็กน้อยในกลุ่มอาเซียน ถือว่ายังมีพื้นที่ให้สื่อทำหน้าที่ตรวจสอบได้พอสมควร แต่ยังเผชิญกับข้อจำกัดด้านกฎหมายและอิทธิพลการเมือง ขณะที่ กัมพูชารั้งอันดับ 151 ซึ่งต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน สะท้อนถึงการควบคุมสื่อที่เข้มข้นจากภาครัฐ โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลฮุน มาเนต
RSF ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ฉุดอันดับของกัมพูชาลงคือ แรงกดดันทางการเมือง ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ที่เริ่มจำกัดเสรีภาพสื่ออย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2017 โดยมีการปิดสื่ออิสระ จับกุมนักข่าว และควบคุมช่องทางออนไลน์อย่างเข้มงวด ซึ่งมรดกการกดดันนี้ถูกส่งต่อมายังรัฐบาลใหม่ของฮุน มาเนต ในปี 2023 โดยสื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับครอบครัวผู้นำประเทศ ขณะที่สื่อออนไลน์อิสระเพียงไม่กี่แห่ง เช่น Kamnotra หรือ CamboJa ยังถูกบล็อกหรือตรวจสอบเข้ม
กัมพูชา–ตัวอย่างคลาสสิกของ “รัฐควบคุมสื่อ” ในศตวรรษที่ 21
ในช่วงทศวรรษ 1990 ถึงต้นปี 2010 กัมพูชา เคยเป็นประเทศที่สื่ออิสระมีบทบาทโดดเด่นในภูมิภาค แต่หลังจากปี 2017 รัฐบาลเริ่มใช้กฎหมายที่คลุมเครือ เช่น “ยุยงให้ก่ออาชญากรรม” หรือ “หมิ่นประมาท” เพื่อปราบปรามการรายงานข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐ แม้กัมพูชาจะเคยให้สัตยาบันอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ สื่อกลับถูกควบคุมทั้งในเชิงกฎหมาย เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี เช่น การบล็อกเว็บไซต์ข่าวที่วิจารณ์รัฐบาล หรือการสร้าง “ศูนย์ควบคุมอินเทอร์เน็ตส่วนกลาง” ที่เปิดทางให้ทางการติดตามการใช้งานของประชาชนได้โดยตรง
จากตัวอย่างล่าสุดคือการปิด Voice of Democracy (VOD) ในปี 2023 และการสังหารนักข่าวสิ่งแวดล้อมในปี 2024 เป็นหลักฐานว่าการทำงานของสื่อในกัมพูชานั้น “ไม่ปลอดภัยและไม่มีพื้นที่เสรี” โดยแท้จริง แม้จะมีองค์กรสื่ออิสระอย่าง CamboJa ที่ยังยืนหยัดอยู่บ้าง แต่ก็ถูกจำกัดทั้งด้านทรัพยากร กฎหมาย และการเข้าถึงข้อมูล ขณะที่แพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง Facebook ก็ถูกครอบงำด้วยอัลกอริธึมที่เอื้อประโยชน์ต่อเนื้อหาโปรรัฐบาล RSF สรุปว่า หากไม่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กัมพูชาจะยังคงติดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มี “เสรีภาพสื่อต่ำที่สุดในโลก”