กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 1.50% มีผลทันที

กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เหลือ 1.50% ต่อปี มีผลทันที เหตุเศรษฐกิจบางภาคส่วนเปราะบาง เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ หนุนให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนปรับตัว

กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 1.50% มีผลทันที

เหตุผลที่กนง. ปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 1.50%

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เหลือ 1.50% ต่อปี โดยมีผลทันที เพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงินและสนับสนุนภาวะเศรษฐกิจ

  • เศรษฐกิจไทยปี 2568-2569 คาดขยายตัวใกล้เคียงเดิม แต่บางภาคส่วนเปราะบาง โดยเฉพาะ SMEs
  • มาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจซ้ำเติมปัญหาโครงสร้างและการแข่งขัน
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน เช่น ราคาอาหารสดและพลังงานลดลง
  • ภาวะการเงินที่ผ่อนคลายช่วยบรรเทาภาระหนี้และกระตุ้นการปรับตัวของภาคธุรกิจ

ภาพรวมเศรษฐกิจและความท้าทายในอนาคต

แม้เศรษฐกิจครึ่งแรกปี 2568 เติบโตจากการส่งออกและภาคการผลิต แต่ครึ่งหลังอาจชะลอตัวจากผลกระทบภาษีสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวระยะใกล้ลดลง

  • การบริโภคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงจากความเชื่อมั่นและรายได้ที่ชะลอ
  • ต้องติดตามผลกระทบของภาษี transshipment และการแข่งขันสินค้านำเข้า
  • สินเชื่อยังหดตัว โดยเฉพาะ SMEs และครัวเรือนรายได้น้อย
  • คุณภาพสินเชื่อลดลงในกลุ่มสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย
  • ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง

ทิศทางนโยบายการเงินระยะข้างหน้า

กนง. ย้ำว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ต้องคำนึงถึงเสถียรภาพในระยะปานกลาง

  • รักษาสมดุลระหว่างเสถียรภาพราคา การเติบโตทางเศรษฐกิจ และระบบการเงิน
  • ติดตามการขยายตัวของสินเชื่อและค่าเงินบาทที่อาจกระทบกิจกรรมเศรษฐกิจ
  • สนับสนุนมาตรการลดต้นทุนทางการเงินเพื่อลดภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง
  • ใช้เครื่องมือนโยบายอย่างระมัดระวัง เพราะขีดความสามารถของนโยบายการเงินมีจำกัด

สรุป

กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1.50% ต่อปี เพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงินและบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจ-ครัวเรือนในภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบาง แม้เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังขยายตัวใกล้เคียงเดิม แต่ความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศและสินเชื่อที่หดตัวทำให้ต้องดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ