หลังจากรัฐบาลประกาศเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ปี 2568 โดยกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบการจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบรวม 16 อำเภอ จำนวน 528,352 ครัวเรือน ในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ขณะนี้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องเพื่อขอรับสิทธิ เงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท ได้แล้ว
สำหรับการยื่นคำร้องเพื่อรับเงินช่วยเหลือนี้สามารถทำได้ 2 ช่องทาง โดยเน้นย้ำว่า ไม่ต้องใช้สำเนาเอกสาร บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือหนังสือรับรองใดๆ ในการยื่นคำร้อง:
- ช่องทางออนไลน์: เข้าเว็บไซต์ https://flood68.disaster.go.th/ เพื่อแสดงความจำนง จากนั้นให้ไปติดต่อผู้นำชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อยืนยันสิทธิ
- ช่องทางด้วยตนเอง: ยื่นคำร้อง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย หรือผู้นำชุมชน
ขั้นตอนการกรอกแบบฟอร์มขอรับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท
หากเลือกดาวน์โหลดและปริ้นต์แบบคำร้องจากเว็บไซต์ https://flood68.disaster.go.th/ หรือรับแบบฟอร์มจากหน่วยงานท้องถิ่น สามารถกรอกข้อมูลตามขั้นตอนสำคัญดังนี้:
- ข้อมูลส่วนตัว:
- กรอกวัน-เดือน-ปี ที่ยื่นคำร้อง
- กรอกคำนำหน้า ชื่อ-สกุล, เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก, อายุ และหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้
- ข้อมูลที่อยู่อาศัย:
- เลือกประเภทที่อยู่อาศัย (บ้านที่มีทะเบียนบ้าน, บ้านเช่า, อื่น ๆ)
- กรอกที่อยู่ปัจจุบันโดยละเอียด (เลขที่, หมู่บ้าน/คอนโด, หมู่ที่/ชุมชน, ซอย, ถนน, แขวง/ตำบล, เขต/อำเภอ, จังหวัด)
- รายละเอียดการได้รับผลกระทบ:
- ระบุช่วงวันที่ (วัน-เดือน-พ.ศ.) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมขังที่พักอาศัยประจำ
- ทำเครื่องหมาย (ติ๊ก) ในช่องกรณีที่ได้รับผลกระทบตามความจริง (เลือกเพียง 1 กรณี) เช่น:
- กรณีที่ 1: น้ำท่วมไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย
- กรณีที่ 2: น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน
- กรณีที่ 3: ถูกน้ำล้อมรอบและได้รับผลกระทบติดต่อกันเกิน 7 วัน
- กรณีที่ 4: พักอาศัยในอาคารสูง แต่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่พัก และได้รับผลกระทบเกิน 7 วัน
- ช่องทางรับเงิน:
- ระบุว่ามี หรือ ไม่มี PromptPay พร้อมเพย์ ที่ผูกบัญชีธนาคารกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน
- ทำเครื่องหมายในช่องหลักฐานที่นำมาในครั้งนี้ (หากมี)
- ลงชื่อ ผู้ยื่นคำร้อง/ผู้ประสบภัย
สรุปคือ เงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท จะเน้นการโอนเข้าบัญชี PromptPay ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนเป็นหลัก เพื่อความรวดเร็วและตรวจสอบได้ การกรอกข้อมูลส่วนตัวและระบุประเภทการได้รับผลกระทบจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเพื่อให้หน่วยงานสามารถพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือได้ครบถ้วน