กลุ่มงานตลาดการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ประเมินว่า ค่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ $31.90 – 32.15$ บาทต่อดอลลาร์ โดยในภาพรวม เงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับวันที่ $1$ ธันวาคม $2568$ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าคือ ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ปัจจัยกดดันดอลลาร์และตลาดพันธบัตร
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังมีการประกาศตัวเลข ดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ $48.2$ ตัวเลขที่ลดลงนี้สะท้อนถึง ยอดคำสั่งซื้อที่อ่อนแอลง แม้จะมีแรงกดดันด้านราคาที่ยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม
- ดัชนี ISM ภาคการผลิต: ลดลงสู่ $48.2$ บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตหดตัวและยอดคำสั่งซื้ออ่อนแอ
- US Treasury Yields: ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นเร็ว เนื่องจากปริมาณการออกพันธบัตรเอกชนที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงต้นเดือนธันวาคม ทำให้ Yields ของพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกปรับสูงขึ้นตามไปด้วย
- เงินเยนแข็งค่า: เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจาก นายอูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนนี้
ภาพรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
ภาพรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงินในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้เงินบาทแข็งค่าจากดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องจับตาทิศทางของตลาดพันธบัตรโลกที่ Yields ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่เข้ามาถ่วงการแข็งค่าของเงินบาทได้ อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่ชัดเจนขึ้นของผู้ว่าการ BOJ ในการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลักในตลาด
สรุป
เงินบาทแข็งค่าขึ้นในวันนี้ โดยมีปัจจัยหลักมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์หลังตัวเลข ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ กรอบการเคลื่อนไหวที่คาดการณ์ไว้คือ $31.90 – 32.15$ บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น