เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการเช็ก ค่าเงินบาทวันนี้ กันหน่อย โดยทางกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ออกมาประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 31.80-32.05 บาทต่อดอลลาร์ จะเห็นได้ว่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งได้รับแรงส่งมาจากฝั่งเงินเยนในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน หลังจากที่มีกรรมการจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะขยับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ และอาจปรับขึ้นต่อถ้าเศรษฐกิจไปได้สวย
ปัจจัยต่างประเทศกดดัน ค่าเงินบาทวันนี้
นอกจากเรื่องของญี่ปุ่นแล้ว ฝั่งสหรัฐฯ ก็มีตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจและส่งผลต่อตลาดการเงินพอสมควร โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (US Treasury yields) ที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานออกมาที่ 191,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ในขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือน ก.ย. และเงินเฟ้อ PCE ก็ออกมาตามนัด ไม่ได้หนีจากที่ตลาดคาดไว้เท่าไรนัก
- ทิศทางดอกเบี้ยญี่ปุ่น: BOJ ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หากเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ: ตลาดแรงงานยังแกร่ง หนุนบอนด์ยีลด์พุ่ง แต่เงินเฟ้อยังทรงตัวตามคาด
- ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์: จับตาความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น ที่เริ่มตึงเครียดจากการเผชิญหน้าทางทหาร
อีกประเด็นที่ต้องระวังและอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดคือความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่เริ่มตึงเครียดขึ้น ล่าสุดมีรายงานเหตุการณ์เครื่องบินรบจีนใช้เรดาร์เล็งเป้าใส่เครื่องบินญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักในเชิงความมั่นคง หากสถานการณ์นี้บานปลาย อาจส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งจะกระทบต่อทิศทางค่าเงินในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยได้ในระยะถัดไป
สรุป ทิศทางเงินบาทระยะสั้นยังคงได้รับอิทธิพลจากการแข็งค่าของเงินเยนและนโยบายดอกเบี้ยของ BOJ เป็นหลัก ผสมโรงกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังดูดี ใครที่ต้องทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศช่วงนี้ แนะนำให้จับตากรอบราคา 31.80-32.05 บาทต่อดอลลาร์ และติดตามข่าวสารความขัดแย้งในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด