สถานการณ์ราคาทองคำโลกในช่วงที่ผ่านมายังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 10 ปี ที่ทรงตัวอยู่ระดับ 4.14% แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ จะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ แต่ประเด็นการเมืองโลกอย่างการเจรจาสันติภาพในยูเครนระหว่างผู้นำสหรัฐฯ ยุโรป และนาโต ก็เริ่มมีสัญญาณบวกจากการที่ยูเครนพร้อมสลับความหวังการเข้าสมาชิกนาโตแลกกับหลักประกันความมั่นคงจากชาติตะวันตก
สรุปปัจจัยลบและบวกที่มีผลต่อทิศทางราคาทองคำโลก
ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจดูมีความขัดแย้งกันเอง แต่ปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อทองคำโดยตรงคือการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ (DXY) ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 สู่ระดับ 98.21 หน่วย เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัวเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าติดตามดังนี้
- อัตราการว่างงานสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่าคาดและสูงสุดในรอบ 4 ปี กดดันค่าเงินดอลลาร์
- ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75% ในวันศุกร์นี้
- กองทุนทองคำโลก SPDR ยังคงนิ่ง โดยถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 1,051.69 ตัน
ความเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนและดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงถือเป็นปัจจัยบวกทางอ้อมที่ช่วยพยุงราคาทองคำเอาไว้ไม่ให้ร่วงลงแรง แม้ตลาดจะมีความกังวลเรื่องการจ้างงานในบางส่วน แต่การที่ธนาคารกลางใหญ่ๆ เริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ก็ทำให้นักลงทุนยังคงถือทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง
สรุปได้ว่าราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าและทิศทางดอกเบี้ยโลกที่กำลังเปลี่ยนไป นักลงทุนควรติดตามผลการประชุม BOJ ในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางค่าเงินและราคาทองคำในระยะสั้นได้