ในการประชุมวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้เข้าประชุมและมีมติเอกฉันท์ให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 2.00% ต่อปี โดยมีผลทันที คณะกรรมการเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเป็นสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นตัวเปิดตัวสำคัญ ในขณะเดียวกัน การส่งออกสินค้าก็มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงอยู่ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากแรงกดดันที่มาจากการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนที่ผู้ประกอบการอาจปรับสูงขึ้น คณะกรรมการฯ คิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นสิ่งที่เหมาะสมและสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ดังนั้นได้มีการเสนอให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมครั้งนี้
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราเติบโตที่ร้อยละ 3.6 ในปีนี้ และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตที่ร้อยละ 3.8 ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้มีการจ้างงานและรายได้แรงงานเพิ่มขึ้น และเป็นแรงส่งต่อไปสู่การบริโภคภาคเอกชน ในด้านการส่งออกก็เริ่มฟื้นตัวใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่แม้จะชะลอลงบ้าง แต่ยังคงมีแนวทางการขยายตัว
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเนื่องมาจากนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเนื่องจากมีความไม่แน่นอน
อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มที่จะลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะลดลงกลับสู่ระดับเป้าหมาย และคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ในปีนี้ และร้อยละ 2.4 ในปี 2567 โดยมีแรงกดดันมาจากค่าไฟ
อ่านเพิ่มเติม www.sanook.com/money/904227/
