โครงการ Easy E-Receipt 2568 ช่วยให้คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 เงื่อนไข ดังนี้
เงื่อนไขที่ 1: หักลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท
สามารถซื้อสินค้าและบริการจาก ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ ผู้ไม่จดทะเบียน VAT โดยมีเงื่อนไขดังนี้:
ตัวอย่างสินค้าและบริการ (ผู้จด VAT)
- สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น น้ำดื่มบรรจุขวด, ผงซักฟอก, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์, ตู้เย็น, พัดลม
- บริการ เช่น ค่าตัดผม, ซ่อมรถยนต์, ซ่อมอุปกรณ์ต่าง ๆ
- เสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องสำอาง
- อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน
สินค้าและบริการจากผู้ไม่จด VAT (เฉพาะกลุ่ม)
- หนังสือ, หนังสือพิมพ์, นิตยสาร
(รวมถึงรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-Books) - สินค้า OTOP (สินค้าที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว)
- สินค้าและบริการจากวิสาหกิจชุมชน
(ที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร) - สินค้าและบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคม
(ที่จดทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม)
เงื่อนไขที่ 2: หักลดหย่อนได้เพิ่มอีก 20,000 บาท
เฉพาะสินค้าและบริการดังต่อไปนี้:
- สินค้า OTOP
(ที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว) - สินค้าและบริการจากวิสาหกิจชุมชน
(ที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร) - สินค้าและบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคม
(ที่จดทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม)
ตัวอย่างรายการที่สามารถซื้อได้
- สินค้า OTOP: ผ้าไหม, เสื้อม่อฮ่อม, น้ำผึ้ง, แคบหมู
- สินค้าเพื่อสังคม: สบู่มะกรูด, สินค้าเกษตรอินทรีย์
- วิสาหกิจชุมชน: ของตกแต่งบ้าน, งานหัตถกรรม
สินค้าและบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้
- ค่าซื้อ สุรา, เบียร์, ไวน์
- ค่าซื้อ ยาสูบ
- ค่าซื้อ น้ำมัน, ก๊าซ, บริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถ
- ค่าซื้อ รถยนต์, รถจักรยานยนต์, เรือ
- ค่าซื้อ ทองคำแท่ง (ยกเว้นค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ)
- ค่ารักษาพยาบาล, ค่าทำศัลยกรรม
- ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า, ค่าโทรศัพท์, ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
- ค่าบริการจัดนำเที่ยว, ค่าที่พักโรงแรม, โฮมสเตย์
หมายเหตุ
- ต้องได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (e-Tax Invoice) หรือ e-Receipt เท่านั้น
- การใช้สิทธิจะนับเฉพาะการใช้จ่ายระหว่าง 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 2568